“ผ้าฝ้าย” โดยทั่วไปตามท้องตลาด (ที่เป็นฝ้ายเส้นใยธรรมชาติ) มักจะมีราคาตั้งแต่ หลักร้อย จนถึงหลักพัน แล้วมันแตกต่างอย่างไรกันล่ะ? ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ผ้าฝ้าย” นั้นถูกผลิตขึ้นหลาย ๆ รูปแบบ แม้จะเป็นผ้าฝ้ายทอมือ เหมือนกันแต่เส้นเส้นฝ้ายทำนำมาทอ ก็อาจแตกต่างกันไป ปัจจัยที่ทำให้ผ้าฝ้ายราคาต่างกัน
เริ่มที่วัตถุดิบคือเส้นด้ายฝ้าย
ผลิตจากโรงงาน มีเส้นที่สม่ำเสมอกัน แข็งแรงทนทาน มีราคาถูก มักจะนำมาใช้เป็นเครือ ในการทอเส้นด้ายฝ้าย จากโรงงาน
ฝ้ายเข็นโรงงาน
เป็นฝ้ายที่ใช้เครื่องจักรในการเข็น เส้นฝ้ายจะมีความสม่ำเสมอกันดูเท่ากัน พอนำมาทอจะหนัก กว่าผ้าฝ้ายเข็นมือค่ะ
ฝ้ายเข็นมือ
เป็นฝ้ายที่ใช้มือในการเข็นซึ่งจะทำให้มีเส้นที่ไม่สม่ำเสมอ ดูฟูกว่าและสิ่งนี้เอง เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ของงานทำมือ Handmaded, Handcarft ค่ะ จึงทำให้ฝ้ายเข็นมือมีราคาแพงที่สุดค่ะ การเข็นฝ้าย คือ การนำฝ้ายมาปั่นให้เป็นเส้น ๆ นั่นเองค่ะ ราคาผ้า จึงขึ้นกับวัตถุดิบและกรรมวิธีการผลิตด้วยค่ะ
เกรดของผ้าฝ้ายทอมือ
แน่นอนว่า ผ้าทอมือ จะมีราคาสูงกว่าผ้าที่ผลิตจากโรงงาน แต่กระนั้น “ผ้าทอมือ” เองก็มีหลายเกรด หลายราคา
หากเป็นผ้าทอมือที่ใช้เส้นด้ายทอก็จะมีราคาค่อนข้างถูก บางครั้ง ผู้ทอ ก็อาจใช้ฝ้ายเข็นโรงงาน หรือเส้นด้าย “ผสมเข้า” กับฝ้ายเข็นมือซึ่งจะทำให้มีราคาสูงขึ้นมา แต่หาก “ใช้ฝ้ายเข็นมือในการทอทั้งหมด” ซึ่งเรามักจะเรียกว่า “ฝ้ายเข็นมือทอทั้งเส้นพุ่งและยืน” แน่นอนว่า ราคาก็จะอัพขึ้นมาเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ก็มีแม่ค้าบางคนหัวใสโฆษณาเกินจริงว่าผ้าของตนเองนั้นเป็นผ้าฝ้ายเข็นมือล้วน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วผสม ระหว่าง ฝ้ายเข็นมือ และฝ้ายโรงงานก็สามารถตั้งราคาที่ถูกลง เพื่อจูงในผู้บริโภค และหากผู้ซื้อ ไม่ได้มีความรู้มากพอก็จะนำมาซึ่งความเข้าใจผิด ๆ ได้
ผ้าทอที่ใช้ฝ้ายเข็นมือล้วน ๆ นั้น ให้ Texture ที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แค่ที่เมืองไทยนะคะในตลาดโลกก็ดี จะหาเนื้อผ้าทอที่ให้สัมผัสแบบนี้หายากมาก ๆ ค่ะ !!
นอกจากนั้น แม้แต่ในจังหวัดเลยเอง ที่เป็นเมืองแห่งฝ้าย ก็เหลือเพียงไม่กี่หมู่บ้าน ที่ยังคงอนุรักษ์ และยังใช้ฝ้ายเข็นมือทอมือนำมาทอผ้าค่ะ เราไม่รู้เลยว่าอนาคต จะยังหลงเหลือช่างฝีมือที่ทำผ้าสวย ๆ ให้เราได้ใช้หรือไม่แต่วันนี้ เราก็อยากที่จะสนับสนุนทำทุกวิถีทาง เพื่ออนุรักษณ์ไม่ให้ภูมิปัญญาเหล่านี้ สูญหายไปกับกาลเวลา